กรุณาระบุคำค้นหาที่ท่านต้องการ

29
ก.พ. 67
มท.1 เปิดถนนโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่บริเวณหลังโรงเรียนชาติเฉลิม อำเภอเมืองระนอง ชื่นชมโครงการทันสมัย บูรณาการกลไกรัฐ เอกชน ประชาชน
มท.1 เปิดถนนโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่บริเวณหลังโรงเรียนชาติเฉลิม อำเภอเมืองระนอง ชื่นชมโครงการทันสมัย บูรณาการกลไกรัฐ เอกชน ประชาชนร่วมพัฒนาพื้นที่ "หน้าติดถนน หลังติดทอง" ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน ด้านโยธาเผยดำเนินการแล้ว 68 โครงการใน 54 จังหวัด ช่วยรัฐประหยัดงบกว่า 2,700 ล้านบาท สร้างมูลค่าเพิ่มให้ที่ดิน 49,336 ล้านบาท
   วันนี้ (29 ก.พ. 67) เวลา 10.00 น. ที่โครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่บริเวณหลังโรงเรียนชาติเฉลิม อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดถนนโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่บริเวณหลังโรงเรียนชาติเฉลิม อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง พร้อมมอบเกียรติบัตรแก่เจ้าของที่ดินเพื่อเป็นการขอบคุณเจ้าของที่ดินทุกรายที่ร่วมกันเสียสละที่ดินเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับคนในชุมชน โดยมี นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง คณะผู้บริหารกรมในสังกัดกระทรวงมหาดไทย นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระนอง เจ้าของที่ดินในโครงการจัดรูปที่ดินฯ เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชน ร่วมในพิธี
   นายอนุทิน กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จในการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ บริเวณหลังโรงเรียนชาติเฉลิม ซึ่งความสำเร็จนี้นำมาซึ่งความยินดีและภาคภูมิใจที่พี่น้องชาวระนอง ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับรัฐ ผ่านโครงการพัฒนาที่ดินและโครงสร้างพื้นฐาน รองรับการพัฒนาเมือง ซึ่งการจัดรูปที่ดินฯ หรือ Land Re-adjustment ถือเป็นเครื่องมือที่ "ทันสมัย" และเป็นกลไกการพัฒนาพื้นที่อย่างบูรณาการระหว่างรัฐกับเอกชนหรือประชาชน ทำให้เกิดการพัฒนาที่ดิน "หน้าติดถนน หลังติดทอง" พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในคราวเดียวทั่วทั้งบริเวณชุมชน สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้ตรงวัตถุประสงค์ผู้ใช้ สอดคล้องตามที่ผังเมืองกำหนด มีบริการขั้นพื้นฐาน และโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอ ได้มาตรฐาน เกิดความปลอดภัย ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการ "ประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุด ก็คือพี่น้องประชาชนจะสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการอยู่อาศัย หรือการประกอบอาชีพ มีการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมอย่างเป็นระบบ มีพื้นที่สาธารณะเพิ่มขึ้น จากการปันส่วนที่ดินของผู้เข้าร่วมโครงการ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พี่น้องประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และขอให้ได้ร่วมกันใส่ใจดูแลรักษาสิ่งปลูกสร้าง และสาธารณูปโภคต่าง ๆ ให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป" นายอนุทิน กล่าว
   นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ดำเนินการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ตามพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. 2547 ซึ่งเป็นเครื่องมือในการพัฒนาพื้นที่เมืองและชุมชน โดยเชิญชวนให้ประชาชนเจ้าของที่ดินนำแปลงที่ดินมารวมกันและปันที่ดินของตนส่วนหนึ่ง เพื่อใช้พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ได้มาตรฐานเข้าถึงที่ดินทุกแปลงโดยไม่ต้องเวนคืนที่ดิน พร้อมกับการจัดรูปแปลงที่ดินใหม่ให้ใช้ประโยชน์ได้ดีขึ้น โดยปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วในพื้นที่ 54 จังหวัด 68 โครงการ ก่อให้เกิดการพัฒนาที่ดิน 18,427 ไร่ คิดเป็นจำนวนแปลงที่ดินที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น 5,641 แปลง มูลค่าที่ดินเพิ่มขึ้นเป็นเงิน 49,336 ล้านบาท ถนนได้รับการพัฒนาเป็นระยะทาง 207 กิโลเมตร โดยไม่ต้องเวนคืนที่ดิน ซึ่งทำให้รัฐประหยัดงบประมาณกว่า 2,700 ล้านบาท
   "สำหรับโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่บริเวณหลังโรงเรียนชาติเฉลิมแห่งนี้ ได้รับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและออกโฉนดที่ดินแปลงใหม่แล้วเสร็จ ซึ่งเจ้าของที่ดินยินดีเสียสละที่ดินของตนให้กับโครงการ เพื่อให้เกิดโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่สะดวก โดยไม่ต้องสัญจรผ่านโรงเรียนชาติเฉลิม เกิดความปลอดภัยแก่เด็กนักเรียนและคนในชุมชน โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองได้จัดสรรงบประมาณ ประจำปี พ.ศ. 2558 - 2560 จำนวน 40,939,000 บาท ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2559 และโครงการฯ ใช้เงินจากที่ดินปันส่วนของเจ้าของที่ดิน สนับสนุนค่าก่อสร้างอาคารเรียนทดแทนส่วนที่ถูกรื้อย้าย เนื่องจากแนวถนนพาดผ่าน พร้อมสร้างรั้วเพื่อความปลอดภัยให้กับโรงเรียนชาติเฉลิม ราว 8,472,000 บาท สร้างถนนสายรองและขยายเขตไฟฟ้า-ประปา อีก 20,261,209 บาท ซึ่งแล้วเสร็จทั้งหมดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 และได้เปิดเป็นทางสาธารณะให้ประชาชนใช้สัญจร ทำให้เกิดความสะดวก ปลอดภัย สามารถเข้าถึงที่ดินทุกแปลงใช้ประโยชน์ได้ดีขึ้น และมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ถือเป็นประโยชน์กับจังหวัดระนองอย่างยิ่ง" นายพงศ์รัตน์ กล่าว
แท็ก
กลับไปหน้ารวมข่าวสาร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง